ตีแผ่เบื้องลึกวงในวงการไอดอล K-POP จากปากของทีมงานฝ่ายโปรโมทศิลปินค่ายเพลงต่างๆ

by - Thursday, June 01, 2017



K-POP Behind the Scene, ตีแผ่เบื้องลึกวงในวงการไอดอล K-POP



บทความนี้มาจากการเปิดเผยจากปากทีมงานฝ่ายโปรโมทศิลปินเคป๊อป


การที่ไอดอลเกาหลีบอกจะซื้อรถ
หรือบ่นเรื่องทำไมต้องอยู่หอ
แปลว่า คนนั้นกำลังมีแฟน


สามารถตามไปกด LIKE กด Follow เพื่อติดตามข่าวหรือสิ่งที่น่าสนใจ
ได้ที่ IamNaZza Facebook Fanpage และ Twitter นะคะ 




ค่ายเพลงหลายๆค่ายชอบให้ไอดอลของตัวเอง
เดทกับคนในบริษัทเดียวกันมากกว่า
เพราะสามารถควบคุมจัดการได้ง่ายกว่า


เกิร์ลกรุ๊ปและบอยแบนด์จะคอยดูกิจกรรมของแต่ละฝ่าย
โดยมีสไตล์ลิสเป็นแม่สื่อคอยช่วยไปบอกว่า
คนนี้ชอบเธอนะ คนนี้เอาแต่ดูวีดีโอของเธอล่ะ








เวลามีเกิร์ลกรุ๊ปเดบิวต์ พวกบอยแบนด์ก็จะแบบ คนนี้ของฉัน คนนี้สวยจัง
ถ้าพวกเค้าไม่มีมือถือ ก็จะลงแอพ Kakao Talk ในไอแพดไว้คุยกันแทน


เวลาไปออกรายการเพลง จะมีการแลก CD กัน
ก็อาศัยโอกาสช่วงนี้แหละ ไปให้ CD แก่คนที่ตัวเองชอบ
โดยอาจจะมีแอบแนบกระดาษโน๊ตเล็กๆ ไปด้วย






แฟนๆมักจะเชื่อว่าทุกคนในวงน่ะสนิทกันหมดเลย
แต่จริงๆแล้วมีความตึงเครียดในวงอยู่
เช่น ใครจะยืนตรงกลาง ใครจะใส่ชุดที่สวยที่สุด ใครจะร้องท่อนไหน

มีวงนึงที่มีสมาชิกจำนวน 6 คน 
ตอนแรกมีแผนการว่าจะมี 2 คนที่ได้ใส่ชุดโค้ทขนเฟอร์
แต่คนอื่นในวงก็อยากจะใส่ชุดสวยๆ ด้วยเช่นกัน
เรื่องราวจบลงด้วยการให้ใส่โค้ทขนเฟอร์ขึ้นเวที 4 คน
พวกเธอไม่ยอมแบ่งกัน จะพูดประมาณว่า
"ฉันจะใส่ชุดนี้ ไปบอกให้เธอถอดออกเลย"





ปัญหาใหญ่ที่สุดคือเรื่องการแบ่งรายได้
โดยเฉพาะถ้ามีคนหนึ่งในวงที่โดดเด่น
คนที่เหลือในวงมักจะไปกดดันค่ายว่า
จะไม่ไปทำงานนั้นนี้ ถ้าไม่ได้เงินเพิ่ม








การเลือกศิลปินฝีกหัดแต่ละคนเพื่อมารวมเป็นวงนั้น
จะดูว่าสามารถทำงานร่วมกันได้ดีหรือไม่
ดูความเข้ากันได้ทางเคมี ความเป็นวง
ไม่ได้มองที่เสน่ห์ส่วนบุคคล
ไม่ได้สนใจว่าทั้งวงจะต้องสวย หล่อ หรือว่าวงจะขาดทักษะอะไร
อันดับแรกสุดการสร้างวงขึ้นมาหนึ่งวง
เราต้องการให้เมมเบอร์ในวงเข้ากันได้อย่างลงตัว




อายุสำหรับการเดบิวต์ ส่วนใหญ่จะไม่เกิน 23 ถึง 24 ปี 


สำหรับเกิร์ลกรุ๊ปจะยิ่งเด็กกว่านั้นอีก
 โดยอยากจะให้เดบิวต์ตอนที่อยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
ก็เลยจะเลือกศิลปินฝึกหัดที่ยังอยู่ชั้นประถม
สำหรับผู้หญิงนั้น อายุ 21 ปีถือว่าแก่แล้ว
อายุงานของเกิร์ลกรุ๊ปจะอยู่ที่ประมาณช่วงอายุ 23 ถึง 34 ปีเท่านั้นเอง


กับคำถามที่ว่า "หน้าตาสำคัญหรือไม่" 
แน่นอนว่าเราพิจารณาเรื่องหน้าตา
ไม่ใช่แค่เรื่องความหล่อหรือความน่าเกลียด
แต่ว่าคุณต้องดูเป็นคนที่ใครๆ ก็น่าจะชอบ
เพราะมีบางคนที่หล่อ แต่ก็ให้ความรู้สึกด้านลบ








ประเด็นเรื่องการไปเป็นทหาร/ตำรวจเป็นเรื่องใหญ่ของบอยแบนด์
มักจะต้องไปเข้ากรมตอนที่อยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพ : 


โดยความสัตย์จริงแล้ว ไม่มีใครอยากจะเข้ากรม
พวกเขาเครียดและพยายามจะเลื่อนการเข้ากรมออกไปให้มากที่สุด 


เรื่องการเข้ากรมดูจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากที่สุด
สำหรับ
ศิลปินชายที่อยู่ในช่วงอายุราว 20 ถึง 29 ปี 

เนื่องจากว่าไม่ใช่เดบิวต์แล้วจะดังเลย
อีกทั้งพออายุ 20 กลางๆ ก็ถือว่าแก่แล้ว 
แต่ตอนนี้ศิลปินใหม่ๆ ก็เดบิวต์ตั้งแต่เด็ก
ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เดบิวต์ตอนอายุ 20กว่า ปี
จึงมีเวลาเป็นไอดอลประมาณ 10 ปี ก่อนจะไปเข้ากรม


สัญญาการเป็นนักร้องที่ทำกับค่ายเพลง โดยทั่วไปยาวประมาณ 7 ปี 


บริษัทจะต้องคอยดูหมายแจ้งเรื่องเข้ากรมอยู่บ่อยๆ
เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น
ไม่งั้นอาจจะต้องไปเข้ากรมตอนที่กำลังดังมากๆ
และบริษัทก็จะสูญเสียรายได้อย่างมากด้วย











ข่าวลือต่างๆบางข่าวมักเป็นเรื่องจริง
ข่าวลือส่วนใหญ่จะมีส่วนที่เป็นความจริงอยู่ด้วย

ดารามักจะถามว่า "พวกเขารู้ได้ไงน่ะ ใครบอกพวกเขา?"



อาจุมม่าแฟน (แฟนคลับที่มีอายุหน่อย อาจุมม่า = น้า/ป้า) : 

พวกเธอสนับสนุนศิลปินได้เต็มที่เพราะมีเงิน
จะโทรศัพท์มาที่บริษัทและถามว่า
ศิลปินอยากได้อะไร บางทีก็มีเสนอว่าจะติดแอร์ให้ที่บ้าน เป็นต้น
อาจุมม่ามีอิสระทางการเงินแล้ว ก็เลยให้ได้มากกว่าลูกกวาดหรือการพับนกกระดาษ
เช่น ให้นาฬิกาข้อมือ โสม สมุนไพร วิตามิน






แฟนคลับมักจะบ่นเรื่องชุดและคอนเซปต์
ทำไมโอป้าต้องทำผมงี้ ใส่ชุดแบบนั้น: 


จริงๆแล้วก็เพราะโอป้าของพวกเธอน่ะอยากจะใส่ชุดนั้นจะแย่อยู่แล้วน่ะสิ
พวกเขามักจะบอกว่า จะไม่ยอมขึ้นเวทีถ้าไม่ได้ใส่ชุดนี้
มีบางคนที่เห็นแบรนด์บางแบรนด์ที่ออกคอลเลคชั่นลิมิเตทอิดิชั่น
และมีดาราต่างประเทศใส่ชุดนั้น
พวกเขาก็อยากจะใส่ด้วย แม้จะไม่ได้เข้ากับตัวเขาเลย
ถึงแฟนจะบอกให้เราช่วยเปลี่ยนชุดให้โอป้าหน่อยได้ไหม
แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่โอป้าของพวกเธอหลงรักแบรนด์นั้นมากเกินไปแล้ว
พวกเขาจะใส่ทุกสิ่งทุกอย่างเพียงแค่เพราะเป็นมาจากแบรนด์นั้นๆ
ทีมเครื่องแต่งกายมักจะทำงานภายใต้ความกดดันและมีงบจำกัด ซึ่งแฟนคลับมักไม่รู้เรื่องนี้











มีประเด็นเรื่องการตกแต่งชาร์ทอันดับเพลง
หลายบริษัทบอกว่าพวกเขาก็ได้รับข้อเสนอนั้นๆด้วย
แต่ไม่มีใครยอมรับว่าทำ: 


พวกเราก็ได้รับข้อเสนอแต่ว่ามันแพง
ข้อเสนอเหล่านั้นมีราคามากกว่า $100 ถึง $200,000 (3,600 - 7 ล้านบาท) และมากกว่านั้นอีก
ถ้าอยากให้เพลงติด TOP 10
ทีมงานบางทีมก็ทำซาแจกิ (การตบแต่งชาร์ทเพลงหรือยอดขาย)
ลงไปโดยที่ CEO ไม่รู้
มีอับดับชาร์ทที่น่าสงสัย แต่ก็ไม่มีหลักฐานในการพิสูจน์
ทุกวันนี้เชื่อถือชาร์ทไม่ค่อยได้แล้ว
แต่ถ้าไม่มีชาร์ท ก็ไม่รู้จะวัดกระแสตอบรับจากประชาชนต่อเพลงยังไง
ก็ยังไม่มีอะไรที่มีอำนาจเหนือเพลงที่ติดอันดับสูงๆอยู่ดี
ถึงแม้คุณจะไม่โด่งดัง แต่ถ้าได้ที่ 1 บนชาร์ทจัดอันดับเพลง
 สถานะการเป็นนักร้องของคุณจะเปลี่ยนไปและคุณก็จะได้ขึ้นพาดหัวข่าว



แฟนๆมักจะคิดว่าโอปป้าของตัวเองนั้นมีสถานะที่มั่นคงแล้ว
แต่จริงๆอาจจะไม่ใช่เมื่อมองในมุมมองของอุตสาหกรรมบันเทิงจริงๆ





เวลามีข่าวลือเรื่องเดท
ผู้คนมักจะคิดว่ารัฐบาลกำลังซ่อน/ปิดข่าวอะไรบางอย่าง
และการปล่อยข่าวลือนั้นก็เพื่อมากลบข่าวนั้นๆ
แต่จริงๆ เราไม่ได้มีอำนาจควบคุมการปล่อยข่าวลือขนาดนั้น
แฟนคลับๆมักจะบ่นว่าทำไมต้องปล่อยข่าวลือตอนนั้นตอนนี้
ซึ่งจริงๆ เราไม่ได้มีสิทธิ์เลือกเลย




มีแฟนคลับบางคนจะบ่นว่า
ทำไมใช้งาน อนนี่ โอป้าหนักจัง
คิดว่าพวกเราให้พวกเขาทำงานมากเกินไป
จริงๆ แล้วเด็กเหล่านี้คือทุกสิ่งที่พวกเรามี
พวกเราคิดว่าพวกเขามีค่าเหนือใครอื่น
พวกเขาทำเงินได้และไม่มีอะไรการันตีว่า
ชื่อเสียงของพวกเขาจะคงอยู่ตลอดไป
พวกเราจึงคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุด คือ
การให้ทำงานในระหว่างที่พวกเขายังเป็นที่ต้องการของตลาด
อายุงานของวงการนี้สั้นนัก 5 ปีก็ถือว่ายาวนานแล้ว



บางทีนักร้องก็จะช่วยโปรโมทน้องๆวงใหม่ๆที่มาจากบริษัทเดียวกัน
และแฟนคลับก็จะบ่นพวกเราว่า
ทำไมถึงใช้โอป้าของพวกเขาในการโปรโมทศิลปินหน้าใหม่
สมัยนี้แล้วไม่มีเด็กคนไหนฟังเราหรอก พวกเขาทำเพราะอยากทำ
การโปรโมทเหล่านั้นก็เกิดจากความตั้งใจของพวกเขาเองทั้งนั้น !



มีแฟนคลับบ่นกันเยอะ เรื่องที่บริษัทออกมาชี้แจงเรื่องข่าวลือต่างๆ ช้า
หรือไม่ยอมพูดถึงข่าวลือต่างๆ:

การออกมาชี้แจงทุกข่าวลือเป็นการสิ้นเปลืองพลังงาน
มีข่าวลือบางอันที่ไม่จริง แต่เราก็ไม่มีหลักฐาน
และบางทีการออกมาชี้แจงกลายเป็นทำให้ข่าวลือนั้นยิ่งไปกันใหญ่
สุดท้ายเราก็เลยเลือกที่จะอยู่เงียบๆ ทุกคนต่างมีปัญหา

มันง่ายที่จะเกลียดใครโดยมองจากภายนอก
แต่จริงๆ กลับไม่รู้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างในบ้าง
อยากให้เข้าใจว่าพวกเราไม่ได้งี่เง่า
เรามีเหตุผลในการตัดสินใจทำแบบนั้นๆ
เรารู้! เราได้ยิน! เพลงแย่ ชุดแย่ ทรงผมประหลาด พวกเราก็มีตาเหมือนกันนะ
เรามีผู้เชี่ยวชาญ แต่บางทีพวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนกัน
เราไม่สามารถบอกรายละเอียดลึกๆเกี่ยวกับเรื่องภายในบริษัทของเราได้หรอกนะ


ที่มา: Netizenbuzz
EN-TH: @IamNaZza


เนื่องจากเคยแปลลงในทวิตเตอร์ไว้ ก็เลยอยากเอามาเก็บไว้ใน blog ด้วย
เผื่อใครตามมาอ่านทีหลัง จะได้อ่านง่ายๆ ดังนั้นรูปประโยคอาจจะดูสั้นๆ กระชับ
เพราะการแปลลงทวิตเตอร์มีข้อจำกัดเรื่องจำนวนตัวอักษร
และเลือกแปลมาเพียงบางส่วนที่คิดว่าสำคัญนะคะ




ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพและบทความออกจากบล็อกนะคะ
ให้แชร์ลิงค์เท่านั้น

Please do NOT take the article and photos out from this blog!
Please share the link.




สามารถตามไปกด LIKE กด Follow เพื่อติดตามข่าวหรือสิ่งที่น่าสนใจ
ได้ที่ Facebook Fanpage และ Twitter นะคะ 






You May Also Like

0 comments

I would love to read your comments. Please share your experience with me. Be sure to check back again for the answer because I do make every effort to reply your comment. Every comment will be reviewed before they are published so it will take time to show up. You do not need to send the comment again. Thank you.

สามารถแสดงความคิดเห็นและแบ่งปันประสบการณ์ได้เลยนะคะ กรุณากลับมาเช็คคำตอบด้วยนะคะ เพราะตั้งใจตอบทุกคำถามจริงๆ คอมเมนต์ทุกอันจะผ่านการรีวิวก่อน ดังนั้นคอมเมนต์ของคุณจะไม่โชว์ในทันที ไม่ต้องส่งซ้ำนะคะ ขอบคุณค่ะ